วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญไทย
1.รัฐธรรมนูญไทย มีมาจนถึงปัจจุบันเป็นฉบับที่ 18
2.รัฐธรรมนูญที่อายุสั้นที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 มีอายุ 5 เดือน 3 วัน (ประกาศใช้ 27 มิถุนายน 2475 หมดอายุเมื่อ 10 ธันวาคม 2475 )
3.รัฐธรรมนูญที่อายุนานที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 มีอายุ 13 ปี 5 เดือน (ประกาศใช้ 10 ธันวาคม 2475 หมดอายุเมื่อ 9 พฤษภา 2489 )
4.รัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับชั่วคราวแต่อายุการใช้นานกว่ารัฐธรรมนูญฉบับถาวรบางฉบับได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 7 มีอายุ 9 ปี
เดือน 20 วัน (ประกาศใช้ 28 มกราคม 2502 หมดอายุเมื่อ 20 มิถุนายน 2511 )
5.รัฐธรรมนูญที่มีที่มาพิสดารที่สุดคือรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 เพราะร่างแล้วซ่อนไว้ทีใต้ตุ่มน้ำสีแดง เรียกสั้นว่าตุ่มแดง
6.รัฐธรรมนูญที่มีมาตรามากที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 มี 336 มาตรา (ประกาศใช้ 11 ตุลาคม 2540 หมดอายุเมื่อ 19
กันยายน 2549 )และถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างมากที่สุด
7.รัฐธรรมนูญที่มีมาตราน้อยที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 7 มี 20 มาตรา (ประกาศใช้ 28 มกราคม 2502 หมดอายุเมื่อ 20
มิถุนายน 2511 )
8.รัฐธรรมนูญที่มีการร่างนานที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 8 ใช้เวลาร่าง 9 ปีเศษ
9.รัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจแก่นายกรัฐมนตรีมากที่สุดซึ่งกล่าวว่าเป็นการให้นายกรัฐมนตรีเป็นเผด็จการ เพราะมีอำนาจในการสั่งให้
ประหารชีวิต หรือ จะยึดทรัพย์สินใครก็ได้ เป็นต้น ได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 7 และฉบับที่ 9
10.รัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 15 (ประกาศใช้ 9
ธันวาคม 2534 หมดอายุเมื่อ 11 ตุลาคม 2540 )
11.รัฐธรรมนูญที่มีการให้ประชาชนลงประชามติครั้งแรก ได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 ฉบับปัจจุบัน (ประกาศใช้ 24 สิงหาคม
2550)
-->>ขอบคุณที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=504213<<--
2.รัฐธรรมนูญที่อายุสั้นที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 มีอายุ 5 เดือน 3 วัน (ประกาศใช้ 27 มิถุนายน 2475 หมดอายุเมื่อ 10 ธันวาคม 2475 )
3.รัฐธรรมนูญที่อายุนานที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 มีอายุ 13 ปี 5 เดือน (ประกาศใช้ 10 ธันวาคม 2475 หมดอายุเมื่อ 9 พฤษภา 2489 )
4.รัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับชั่วคราวแต่อายุการใช้นานกว่ารัฐธรรมนูญฉบับถาวรบางฉบับได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 7 มีอายุ 9 ปี
เดือน 20 วัน (ประกาศใช้ 28 มกราคม 2502 หมดอายุเมื่อ 20 มิถุนายน 2511 )
5.รัฐธรรมนูญที่มีที่มาพิสดารที่สุดคือรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 เพราะร่างแล้วซ่อนไว้ทีใต้ตุ่มน้ำสีแดง เรียกสั้นว่าตุ่มแดง
6.รัฐธรรมนูญที่มีมาตรามากที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 มี 336 มาตรา (ประกาศใช้ 11 ตุลาคม 2540 หมดอายุเมื่อ 19
กันยายน 2549 )และถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างมากที่สุด
7.รัฐธรรมนูญที่มีมาตราน้อยที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 7 มี 20 มาตรา (ประกาศใช้ 28 มกราคม 2502 หมดอายุเมื่อ 20
มิถุนายน 2511 )
8.รัฐธรรมนูญที่มีการร่างนานที่สุดได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 8 ใช้เวลาร่าง 9 ปีเศษ
9.รัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจแก่นายกรัฐมนตรีมากที่สุดซึ่งกล่าวว่าเป็นการให้นายกรัฐมนตรีเป็นเผด็จการ เพราะมีอำนาจในการสั่งให้
ประหารชีวิต หรือ จะยึดทรัพย์สินใครก็ได้ เป็นต้น ได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 7 และฉบับที่ 9
10.รัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 15 (ประกาศใช้ 9
ธันวาคม 2534 หมดอายุเมื่อ 11 ตุลาคม 2540 )
11.รัฐธรรมนูญที่มีการให้ประชาชนลงประชามติครั้งแรก ได้แก่รัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 ฉบับปัจจุบัน (ประกาศใช้ 24 สิงหาคม
2550)
-->>ขอบคุณที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=504213<<--
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
9 วิธีแก้หลับเวลากวดวิชา
1. ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องเข้าเรียนแต่เช้า : ก็อย่าดูหนังดูละครจนดึกเกินสี่หรือห้าทุ่ม เพราะเวลานอนที่ขาดไปมันมักจะมาเอาคืนช่วงเรียนพิเศษที่มีอาจารย์ในดีวีดีมากล่อมเสมอ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะหากนอนดึกแล้ว ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะมาทำให้เราหายง่วงได้ นอกจากไปกินกระทิงแดง (แต่ก็ไม่แนะนำว่าไม่ดีต่อสุขภาพ)
2. พกขนมหรือน้ำเข้าไปด้วย : แต่ !!! ห้ามกินตั้งแต่เริ่มเรียน เพราะจะทำให้ง่วงง่ายมากกกกก ให้กินเมื่อเริ่มง่วงเท่านั้น (บางทีลองซื้อขนมที่เวลาแกะแล้วเสียงดังๆ เพราะเวลาแกะขนมนั้นจะทำให้เราตื่นเต้นและกลัวว่าคนข้างๆ จะด่า (มันมีวิธีอย่างนี้ด้วยเรอะ) ทำให้ตาสว่าง แต่ถึงอย่างไร ถ้าคิดว่าจะรบกวนคนข้างๆ ละก็ ก็ให้ซื้อขนมจุกจิกเล็กๆน้อยๆไปแทน) เมื่อหายง่วงก็ให้หยุดกินแล้วตั้งใจเรียนต่อไปซะ
3. อุปกรณ์สำหรับเรียนกวดวิชา : สำคัญนะคะ เพราะเวลาเราง่วงๆ ก็หยิบปากกาสี หรือพวกไฮไลท์มาวาดๆ เขียนในหนังสือให้มันคัลเลอร์ฟูลไปเลย แต่อย่าทำให้เลอะเทอะไป เพราะเวลาทบทวนหนังสืออาจจะทำให้เรามึนได้ ให้วาดๆ เขียนๆ ด้านหลังหนังสือก็ได้ หรือไม่ก็เวลาอาจารย์ให้เน้นอะไรก็ใส่สีให้พอสวยงามก็ทำให้เราหายง่วงได้เช่นกันค่ะ แต่ถึงยังไงก็ต้องตั้งใจฟังอาจารย์อย่ามัวแต่วาดเพลินนะคะ
4. ฝึกจินตนาการผ่านกวดวิชา : ลองมองดูอาจารย์สอนกวดวิชาสิคะ ท่านจะมีอะไรให้เราได้จินตนาการไปเรื่อยเปื่อยอยู่เสมอ ตั้งแต่คำพูดติดปากของอาจารย์ สีเสื้อผ้า ทรงผม เสียงหัวเราะของอาจารย์ บางที...มุขฝืดๆของอาจารย์ก็ช่วยพวกเราจากความง่วงงันได้เหมือนกันนะ
5. สำหรับคนที่ชอบหลับคาโต๊ะกวดวิชา : เราขอแนะนำ!! ให้ลองก้มลงไปนอนโต๊ะคนอื่นดูค่ะ (หา!!) แล้วจะไม่ง่วงอีกเลย (แต่จะได้เบ้าตาหมีแพนด้ามาแทน ...อ้าว)
6. ตั้งใจฟังอาจารย์ : เรียนให้เต็มที่ คำนวณอะไรก็คิดๆๆๆๆๆ คิดผิดก็คิดมันไป อาจารย์เฉลยว่าผิดแล้วก็ลบแอบๆ หน่อย (อายคนข้างๆ) พอเวลาคำนวณถูกก็เปิดมันเลย! ดูเส่ะๆพวกหล่อน ฉันคิดถูก ว่ะฮ่าๆๆๆ
7. สำหรับคนที่กินขนมแล้วชอบหลับ : แนะนำค่ะ ลูกอมรสเปรี้ยวๆ กินแล้วตื่นเต็มตาเลยค่ะ (แต่ถ้ากินบ่อยๆอาจทำให้คุณชินและหลับได้แม้กระทั้งในปากเปรี้ยวจี้ด) หรือไม่ก็ลูกอมมิ้นท์เย็นๆ แบบว่าเย็นสุดขั้ว กินแล้วเย็นไปถึงรูขุมขนได้ยิ่งดี นั่นจะทำให้คุณตื่น (แต่บางคนอาจจะหลับ) เรื่องลูกอมต้องค่อยๆลองไปสลับไปได้เรื่อยๆ ยิ่งดี วันนึงก็รสนึง อีกวันก็รสใหม่ จะทำให้เราไม่คุ้นและไม่ง่วง
8. หากเรียนไปแล้วเริ่มจะเข้าเฝ้าเทวดา : ให้นึกถึงเวลาที่ใกล้จะหมดสิคะ นั่นอาจจะทำให้รู้สึกลัลล้าและตื่นเต็มตาได้ แต่ถ้าหากเพิ่งจะเริ่มเรียนแล้วง่วงละก็ ลองไปล้างหน้าล้างตาดูนะคะ
9. บรรยากาศในห้องเรียน : เป็นส่วนหนึ่งทำให้เคลิ้มได้ บางทีก็เย็นจนปอดจะแข็งตาย บางทีก็ร้อนตับจะออกมานอกร่าง ขอแนะนำว่าให้ลองใจกล้าเดินไปบอกพี่ที่คุมเลยค่ะ ว่าร้อนหรือหนาว จะได้ไม่รู้สึกเคลิ้มหรือไม่เครียดขณะเรียน
2. พกขนมหรือน้ำเข้าไปด้วย : แต่ !!! ห้ามกินตั้งแต่เริ่มเรียน เพราะจะทำให้ง่วงง่ายมากกกกก ให้กินเมื่อเริ่มง่วงเท่านั้น (บางทีลองซื้อขนมที่เวลาแกะแล้วเสียงดังๆ เพราะเวลาแกะขนมนั้นจะทำให้เราตื่นเต้นและกลัวว่าคนข้างๆ จะด่า (มันมีวิธีอย่างนี้ด้วยเรอะ) ทำให้ตาสว่าง แต่ถึงอย่างไร ถ้าคิดว่าจะรบกวนคนข้างๆ ละก็ ก็ให้ซื้อขนมจุกจิกเล็กๆน้อยๆไปแทน) เมื่อหายง่วงก็ให้หยุดกินแล้วตั้งใจเรียนต่อไปซะ
3. อุปกรณ์สำหรับเรียนกวดวิชา : สำคัญนะคะ เพราะเวลาเราง่วงๆ ก็หยิบปากกาสี หรือพวกไฮไลท์มาวาดๆ เขียนในหนังสือให้มันคัลเลอร์ฟูลไปเลย แต่อย่าทำให้เลอะเทอะไป เพราะเวลาทบทวนหนังสืออาจจะทำให้เรามึนได้ ให้วาดๆ เขียนๆ ด้านหลังหนังสือก็ได้ หรือไม่ก็เวลาอาจารย์ให้เน้นอะไรก็ใส่สีให้พอสวยงามก็ทำให้เราหายง่วงได้เช่นกันค่ะ แต่ถึงยังไงก็ต้องตั้งใจฟังอาจารย์อย่ามัวแต่วาดเพลินนะคะ
4. ฝึกจินตนาการผ่านกวดวิชา : ลองมองดูอาจารย์สอนกวดวิชาสิคะ ท่านจะมีอะไรให้เราได้จินตนาการไปเรื่อยเปื่อยอยู่เสมอ ตั้งแต่คำพูดติดปากของอาจารย์ สีเสื้อผ้า ทรงผม เสียงหัวเราะของอาจารย์ บางที...มุขฝืดๆของอาจารย์ก็ช่วยพวกเราจากความง่วงงันได้เหมือนกันนะ
5. สำหรับคนที่ชอบหลับคาโต๊ะกวดวิชา : เราขอแนะนำ!! ให้ลองก้มลงไปนอนโต๊ะคนอื่นดูค่ะ (หา!!) แล้วจะไม่ง่วงอีกเลย (แต่จะได้เบ้าตาหมีแพนด้ามาแทน ...อ้าว)
6. ตั้งใจฟังอาจารย์ : เรียนให้เต็มที่ คำนวณอะไรก็คิดๆๆๆๆๆ คิดผิดก็คิดมันไป อาจารย์เฉลยว่าผิดแล้วก็ลบแอบๆ หน่อย (อายคนข้างๆ) พอเวลาคำนวณถูกก็เปิดมันเลย! ดูเส่ะๆพวกหล่อน ฉันคิดถูก ว่ะฮ่าๆๆๆ
7. สำหรับคนที่กินขนมแล้วชอบหลับ : แนะนำค่ะ ลูกอมรสเปรี้ยวๆ กินแล้วตื่นเต็มตาเลยค่ะ (แต่ถ้ากินบ่อยๆอาจทำให้คุณชินและหลับได้แม้กระทั้งในปากเปรี้ยวจี้ด) หรือไม่ก็ลูกอมมิ้นท์เย็นๆ แบบว่าเย็นสุดขั้ว กินแล้วเย็นไปถึงรูขุมขนได้ยิ่งดี นั่นจะทำให้คุณตื่น (แต่บางคนอาจจะหลับ) เรื่องลูกอมต้องค่อยๆลองไปสลับไปได้เรื่อยๆ ยิ่งดี วันนึงก็รสนึง อีกวันก็รสใหม่ จะทำให้เราไม่คุ้นและไม่ง่วง
8. หากเรียนไปแล้วเริ่มจะเข้าเฝ้าเทวดา : ให้นึกถึงเวลาที่ใกล้จะหมดสิคะ นั่นอาจจะทำให้รู้สึกลัลล้าและตื่นเต็มตาได้ แต่ถ้าหากเพิ่งจะเริ่มเรียนแล้วง่วงละก็ ลองไปล้างหน้าล้างตาดูนะคะ
9. บรรยากาศในห้องเรียน : เป็นส่วนหนึ่งทำให้เคลิ้มได้ บางทีก็เย็นจนปอดจะแข็งตาย บางทีก็ร้อนตับจะออกมานอกร่าง ขอแนะนำว่าให้ลองใจกล้าเดินไปบอกพี่ที่คุมเลยค่ะ ว่าร้อนหรือหนาว จะได้ไม่รู้สึกเคลิ้มหรือไม่เครียดขณะเรียน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)