วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

ท่องเที่ยวโอซาก้า 4 ฤดู


ฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อดอกท้อที่บานสะพรั่งร่วงโรยไปในราวกลางเดือนมีนาคม การแข่งขันซูโม่ประจำฤดูใบไม้ผลิ (Haru Basho) ก็จะเริ่มขึ้นติดต่อกัน 2 สัปดาห์ สนามยิมเนเซียมโอซาก้าจะถูกแปลงเป็นเวทีแข่งขันซูโม่ ธงประจำค่ายสีสดใสปลิวไสวที่หน้าสนามสื่อให้ทราบว่าการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ในช่วงเวลานี้ ท่านอาจมีโอกาสได้เห็นเหล่านักมวยปล้ำซูโม่ในชุดกิโมโนเดินขวักไขว่ปะปนอยู่ตามท้องถนนของเมืองด้วย
ในปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระที่เริ่มผลิบานเป็นนิมิตหมายของฤดูใบไม้ผลิได้หลายๆแห่ง เช่นที่สวน Nishinomaru Teien ในสวนสาธารณะ Osaka-jo Koen หรือที่สวนสาธารณะ Nagai Koen ที่สวน Yodogawa Riverside Park ที่
โรงกษาปณ์ Zohei-kyoku ซึ่งมีต้นซากุระหลายร้อยต้นเรียงรายอยู่สองข้างทางเสมือนดังอุโมงค์ซากุระ และที่ริมแม่น้ำโอกาว่า ใกล้ๆ Nakanoshima ในยามที่ดอกซากุระกำลังบานนั้น ชาวญี่ปุ่นจะพาลูกหลานหรือเพื่อนฝูงมาปูเสื่อ พร้อมดื่มกินร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานใต้ต้นซากุระ ว่ากันว่า Toyotomi Hideyoshi เจ้าเมืองโอซาก้าก็โปรดปรานการชมซากุระเอามากๆ ทัศนียภาพเวลาซากุระบานเต็มเมืองโอซาก้า เมื่อมองจากชั้นบนของปราสาทในอดีตกาล คงงดงามจับใจเจ้าเมืองเป็นอย่างมาก


ฤดูร้อน
ก่อนเข้าฤดูร้อนราวหนึ่งถึงสองเดือน คือราวเดือนมิถุนายนเป็นฤดูที่ฝนตกบ่อย นักท่องเที่ยวจะสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกไอริสเบิกบานรับหยาดน้ำฝนที่สวนสาธารณะ Shirokita Koen ดอกไม้เขตร้อนนานาพันธุ์ที่ Sakuya Konohana Kan หรือดอกไฮเดรนเจียบริเวณปราสาทโอซาก้า ดอกไม้เหล่านี้ให้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากความงามของซากุระที่รับรองได้ว่าท่านจะไม่ผิดหวัง
ฤดูร้อนสำหรับคนโอซาก้านั้นจะเริ่มขึ้นเมื่อมี
เทศกาล Tenjin Matsuri ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันที่ 24 และ 25 เดือนกรกฏาคมของทุกปี เทศกาล Tenjin Matsuri ถือเป็นหนึ่งในสามเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น กระบวนแห่ของศิษยานุศิษย์กว่า 3,000 คนในชุดแต่งกายโบราณจะเวียนไปรอบๆเมือง ก่อนที่จะพากันไปลงเรือราว 100 ลำล่องไปตามลำน้ำโอกาว่า ร้องรำทำเพลง และสนุกกับการชมพลุอันงดงามกว่า 5,000 ดอก หนุ่มๆสาวๆชาวโอซาก้าและผู้คนจากทั่วสารทิศราว 2 ล้านคนจะพากันแต่งชุดยูคาตะ (กิโมโนะสำหรับหน้าร้อน) มาชมกระบวนแห่ตามราวสะพานนับสิบๆแห่งที่ทอดผ่านลำน้ำและตามสองฝั่งแม่น้ำ สร้างความครึกครื้นอย่างที่จะหาเทศกาลใดมาเปรียบได้
นอกเหนือจากเทศกาล Tenjin Matsuri ที่ตื่นเต้นเร้าใจแล้ว แทบทุกศาลหรือทุกวัดในโอซาก้ายังมีเทศกาลประจำของตนต่างๆกันไป โดยเฉพาะ
พิธีแรกนาขวัญ Otaue Shinji ในเดือนมิถุนายน หรือเทศกาล Manto ระหว่างช่วง Obon รำลึกถึงญาติมิตรที่เสียชีวิตไปแล้วในเดือนสิงหาคม ก็เป็นอีกสองเทศกาลที่อยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวลองมาชม

ฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยงามอีกฤดูหนึ่งของปี โดยเฉพาะเมื่อใบของต้นแปะก๊วยสูงใหญ่เรียงรายสองข้างถนน Midosuji ซึ่งเป็นเมนสตรีทของโอซาก้าเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดงดงาม และที่สวนสาธารณะ Osaka-jo Koen ซึ่งมีปราสาทโอซาก้า ตั้งอยู่ ก็จะพบต้นเมเปิ้ลจำนวนมากเปลี่ยนสีเป็นสีแดงและส้มไปทั่วทุกแห่งหน และนั่นย่อมหมายถึงว่างาน Midosuji Kappo กำลังจะเริ่มขึ้น ในวันงาน ถนน Midosuji ตั้งแต่แถว Umeda ไปจนถึง Honmachi รวมระยะทางราว 1.6 กิโลเมตรจะถูกปิดไม่ให้รถยนต์สัญจรไปมา ผู้คนจำนวนมากจะพากันมาร่วมฉลองเล่นดนตรี ขับร้องฟ้อนรำ หรือเล่นเกมส์ต่างๆอย่างเสรี สร้างบรรยากาศที่ครึกครื้นได้ไม่น้อย และหากท่านย่างเท้าไปแถวบริเวณ Bay Area ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของตึก WTC ซึ่งเป็นตึกสูงที่สุดในภาคตะวันตก ท่านก็จะได้ชมความงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากด้านหลังของสะพาน Akashi Kaikyo O-hashi ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกได้ด้วย
เทศกาลที่อยากแนะนำเป็นพิเศษสำหรับฤดูใบไม้ร่วงได้แก่ เทศกาลไหว้พระจันทร์แบบญี่ปุ่น หรือ Otsukimi เช่นที่ศาล Sumiyoshi Taisha หรือ
เทศกาลประดับดอกเบญจมาศ (Osaka-jo Kikunosaiten)ที่สวนสาธารณะในบริเวณปราสาทโอซาก้า และที่สวนสาธารณะ Tennoji Koen และเทศกาล Kishiwada Danjiri ในเมือง Kishiwada ทางตอนใต้ของโอซาก้าเป็นต้น

ฤดูหนาว
การประดับไฟช่วงคริสต์มาสเป็นบรรยากาศสำหรับช่วงฤดูหนาวในโอซาก้าที่ท่านสามารถเพลิดเพลินได้ทุกปี ย่านการค้าแทบทุกแห่งพากันประดับประดาไฟอย่างสวยงาม แต่ที่ๆสวยที่สุดคงเป็นที่บริเวณ Nakanoshima โดยเฉพาะบริเวณตั้งแต่ด้านหน้าของที่ว่าการเมืองด้านติดริมแม่น้ำ ไปจนถึงห้องสมุดเก่า และหอประชุมเมือง จะมีงาน Hikari No Renaissance จากราวต้นเดือนไปจนถึงปลายเดือนธันวาคม หลังรับประทานอาหารเย็นแล้ว นักท่องเที่ยวควรลองไปเดินชมการประดับไฟแถวนี้ดูก่อนกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
และเมื่อเทศกาลปีใหม่ย่างมาถึง ท่านจะพบเห็นชาวญี่ปุ่นในชุดกิโมโนะจูงมือลูกหลานพากันไปนมัสการและขอพรจากพระและเจ้าตามวัดและศาลชินโตแทบทุกแห่งหน สำหรับที่ศาล Imamiya Ebisu-jinja ใจกลางเมือง ทุกวันที่ 9 -11 มกราคม บรรดาพ่อค้าแม่ขายจะพากันไปขอพรเทพเจ้าในเทศกาล
Toka Ebisu ซึ่งพวกเขาศรัทธาว่าสามารถอำนวยพรให้ทำมาค้าขึ้น และในราวปลายเดือนเดียวกันนี้ จะเป็นฤดูการแข่งขัน Osaka International Women’s Marathon ซึ่งบรรดานักวิ่งมาราธอนหญิงจากทั่วโลกจะมารวมตัววิ่งบนท้องถนนในเมือง เพื่อเตรียมตัวเข้าแข่งระดับโลกต่อไป

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

อาหารไข่บอกนิสัย

"ไข่" เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาทำอาหารได้มากมาย เช่น ไข่ลวก , ไข่ยัดไส้ , ไข่ดิบ ฯลฯ เรามีเมนูอาหารประเภทไข่ที่ชอบกินเป็นพิเศษบ้างรึเปล่าจ๊ะ ถ้ามีล่ะก็ รู้กันรึเปล่าว่าสามารถนำมาบอกลักษณะนิสัยได้ +555+
ไข่ลวก แสดงว่าเพื่อนๆ เป็นคนที่ไม่ค่อยจะเรื่องมาก ใครที่อยู่ใกล้ก็มักสบายใจ เพราะเป็นคนไม่คิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้รำคาญใจ เป็นคนรักความสะอาดและความเป็นระเบียบ เรียบร้อย แต่เป็นคนที่ค่อนข้างจะใจร้อนอยู่สักหน่อย

ไข่ดิบ เพื่อนๆ จะเลือกทางเดินชีวิตโดยไม่สนใจคนอื่นๆ ว่าเขาเลือกกันอย่างไร เป็นคนที่มีทางเดินเป็นของตัวเอง โดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง และไม่ชอบที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นด้วย
ไข่ดาว แสดงว่าเพื่อนๆ เป็นคนที่ชอบความท้าทาย และเป็นคนที่มีความพยายามเป็นอย่างยิ่ง คุณนั้นเป็นคนที่กระตือรือร้นและไขว่คว้าหาโอกาสให้กับตัวเอง คุณจะไม่รอให้โอกาสต่างๆ เข้ามาหาคุณ คุณจะพุ่งเข้าใส่มันเอง

ไข่เจียว เป็นคนที่มีความยุติธรรม เป็นนักวางแผน และนักคิด เพื่อนๆ มักคิดและทำอะไรอย่างเป็นระบบ มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง และมักคิดว่าคนอื่นมักคิดเช่นเดียวกับตัวเอง

ไข่ต้ม เป็นคนที่มีความอดทน หากต้องทำงานอะไรสักชิ้นหนึ่งก็จะทำให้มันเสร็จไปเลย ไม่ชอบที่จะค้างมันไว้ เพราะเพื่อนๆ จะหงุดหงิดกับมันมากหากทำไม่สำเร็จ มักจะใช้เหตุผลในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่างอยู่เสมอ
ไข่ยัดไส้เพื่อนๆเป็นคนที่มีการเตรียมพร้อม ชอบท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันต้องไม่เป็นที่ที่ไม่ลำบาก เพราะมักจะไม่ค่อยมีความอดทนกับเรื่องพวกนี้ แม้กระทั่ง การทำงานก็เช่นกัน หากต้องทุ่มเทกับมันมากๆ ก็จะรับมันไม่ค่อยได้
ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นกกระทา ก็เป็นที่รวบรวมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีทั้งโปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ โอเมก้า 3 ฯลฯ ดังนั้นเรา จึงควรที่จะกินไข่เป็นประจำนะ เพื่อสุขภาพร่างกายของเรา

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

10 เมืองน่าอยู่ของไทยจ้า
















ปางอุ๋ง สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเมืองแม่ฮ่องสอน
เราอาจเคยได้ยินเรื่องการจัดอันดับความน่าอยู่ของเมืองจากทั่วโลกกัน มาบ้าง... รู้ไหมว่า ในเมืองไทยเองก็มีการจัดอันดับเมืองน่าอยู่จากทั่วประเทศด้วยเช่นกัน โดยสถาบันที่จัดทำเรื่องดังกล่าวคือ "สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา" หรือ สทพ. ซึ่งเป็นมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ที่เรียกงานของพวกเขาว่าเป็นองค์กรเชื่อมต่อ ที่เชื่อมต่ออดีต ปัจจุบันและอนาคต เชื่อมต่อแนวคิด นโยบาย และการปฏิบัติเชื่อมต่อหรือการถักทอทางสังคมทำให้เกิดพลังทางสังคม สทพ.ได้ทำการจัดอันดับเมืองน่าอยู่จากทั่วประเทศ เมื่อปลายปีที่แล้ว(2551) โดย"เมืองน่าอยู่-ชุมชนน่าอยู่" ในความหมายของ"ดัชนีความน่าอยู่"ของ เมืองนี้ หมายถึง เทศบาลที่น่าอยู่สำหรับประชากรผู้อยู่อาศัยและผู้ท่องเที่ยวผ่านทาง ทั้งในมิติความปลอดภัย มิติความสะอาด มิติความมีคุณภาพชีวิตที่ดี มิติการบริหารจัดการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล และมิติความเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม รวมเป็น 5 มิติในการพิจารณาตัวชี้วัด โดยได้ทำการวิเคราะห์ดัชนีความน่าอยู่ของเทศบาลเมือง 124 แห่ง ทั่วประเทศ ผลปรากฏว่ามี 10 เมืองน่าอยู่ที่ติดอันดับดังต่อไปนี้

เมืองน่าน กับวิถีอันสงบงาม
อันดับ 10 "เมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย" เมื่อปี พ.ศ. 2538 เป็นปีที่ได้มีการจัดตั้งเมืองท่าบ่อครบ 100 ปี ท่าบ่อหรือท่าบ่อเกลือในอดีต ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองท่าบ่อในรัชกาลที่ 5 อาชีพหลักของประชาชนชาวท่าบ่อคือทำการเกษตรกรรมและการประมง เมืองนี้มีหมู่บ้านประมงที่มีชื่อเสียงอยู่ที่ ต.กองนาง มีหมู่บ้านทำยาสูบ หมู่บ้านทำแผ่นกระยอที่ใช้ทำปอเปี๊ยะ มีหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารวัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง ตำบลน้ำโมง พระพุทธรูปเก่าแก่สร้างในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2105 เป็นศูนย์รวมใจคนท่าบ่อ
อันดับ 9 "เมืองกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ" หากเอ่ยชื่อเมืองกันทรลักษ์ อาจจะไม่คุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่า เป็นที่ตั้งของเมืองทางขึ้นสู่ "ปราสาทพระวิหาร"(กรณีพิพาทที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะจบระหว่างไทย-กัมพูชา)เชื่อ ว่าหลายคนต้องร้องอ้อ...กันแน่นอน เมืองกันทรลักษ์เป็นเมืองชายแดน ที่มีความกลมกลืนทั้งทางด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกันทรลักษ์คือ ผามออีแดง หน้าผาสูงราว 500 เมตร แบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปัจจุบันได้รับผลจากกรณีพิพาทพระวิหารทพให้ผามออีแดงต้องปิดไปโดยไม่มี กำหนด

หอแก้วมุกดาหาร หนึ่งในสัญลักษณ์จังหวัดมุกดาหาร
อันดับ 8 "เมืองนครพนม" นครพนมเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งในประวัติศาสตร์ ในเขตเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง ตลาดอินโดจีน รวมถึงตึกรามอาคารบ้านเรือนเก่าที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกที่แพร่เข้ามาในช่วง พ.ศ.2440-2460 บน "ถนนสุนทรวิจิตร" ไม่ว่าจะเป็นจวนผู้ว่าฯ หลังเก่า, อาคารโรงเรียนสุนทรวิจิตร, บ้านพักอัยการ, บ้านพักสรรพสามิต ตลอดจนบ้านพักอาศัยริมถนนหลายหลัง อีกทั้งยังมี"วัดนักบุญอันนา หนองแสง" อดีตศูนย์กลางของชาวคริสต์ริมฝั่งโขงอันสวยงาม ขณะที่ถ้าออกนอกเมืองไปยัง อ.ธาตุพนม ก็จะได้พบกับ"พระธาตุพนม" สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ประชาชนคนไทยต่างเคารพศรัทธา
อันดับ 7 "เมืองแสนสุข จ.ชลบุรี" เทศบาลเมืองแสนสุข หรือ เมืองแสนสุข เป็นองค์การปกครองท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง ห่างจากตัวเมืองชลบุรี ประมาณ 13 กิโลเมตร สถานที่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทยคือ "ชายหาดบางแสน" ห่างจากกรุงเทพมหานครไม่ไกลนัก เพียง 89 กิโลเมตรเท่านั้น ในปีพ.ศ. 2536 เทศบาลก็ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองลักษณะพิเศษ (เมืองท่องเที่ยว) หาดบางแสน ในบริเวณหาดมีเครื่องดื่ม และอาหารทะเลประเภทของกินเล่นหาบมาขาย เช่น ปลาหมึก หอยแมลงภู่ ห่อหมก ฯลฯ มีเก้าอี้ผ้าใบ ลูกยาง ว่ายน้ำให้เช่า มีห้องอาบน้ำจืดไว้บริการ ร้านอาหารหลายแห่งเรียงรายอยู่ริมหาด
อันดับ 6 "เมืองพะเยา" เมืองเก่าแก่อันสงบงามท่ามกลางเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตวัฒนธรรมและธรรมชาติ เมืองนี้มีสถานที่น่าสนใจ อาทิ "วัดศรีโคมคำ" สถานที่ประดิษฐาน"พระเจ้าตนหลวง" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยา "กว๊านพะเยา" ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ แหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญที่สุดของภาคเหนือตอนบน นอกจากนี้ในจังหวัดพะเยายังเป็นจังหวัดที่มีอันซีนไทยแลนด์ถึง 2 แห่ง คือ "วัดพระเจ้านั่งดิน" และ "น้ำตกภูซาง"

กว๊านพะเยา แหล่งประมงน้ำจืดสำคัญที่สุดของภาคเหนือตอนบน
อันดับ 5 "เมืองมุกดาหาร" หรือที่ชาวเมืองนิยมเรียกว่า "เมืองมุก" ตามเรื่องเล่าขานที่ว่ามีผู้พบเห็นดวงแก้วสดใสเปล่งปลั่งในขณะที่กำลังสร้างเมือง (พ.ศ.2331) มุกดาหารเป็นหนึ่งใน "ประตูสู่อินโดจีน" เพราะมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 เชื่อมจังหวัดมุกดาหารกับแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เมืองนี้มีสิ่งน่าสนใจ อาทิ "หอแก้วมุกดาหาร" หนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร "ตลาดสินค้าอินโดจีน" ถ.สำราญชายโขง ศูนย์รวมสินค้าสารพัดอย่าง จากจีน รัสเซีย เวียดนาม ลาว ที่ขนถ่ายผ่านแขวงสะหวันนะเขต
อันดับ 4 "เมืองพิจิตร" เมืองพญาชาละวัน ถิ่นกำเนิดนิทานเรื่อง ไกรทอง เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง มีความหมายว่า "เมืองงาม" ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดพิษณุโลก พิจิตรเป็นเมืองเก่าแก่ ในสมัยสุโขทัยปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชและในศิลาจารึกหลักที่ 8 รัชกาลพระยาลิไท เรียกว่า "เมืองสระหลวง" ซึ่งมีสถานะเป็นหัวเมืองเอกของกรุงสุโขทัย พิจิตร เป็นที่ตั้งของ "บึงสีไฟ" บึงน้ำจืดขนาดใหญ่แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนพิจิตร และพิจิตรยังมีอันซีนเมืองไทยอยู่ที่ "วัดโพธิ์ประทับช้าง" ที่สร้างขึ้นโดย พระเจ้าเสือ หรือ พระสรรเพชญ์ที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นที่ระลึกถึงมาตุภูมิของพระองค์ อีกด้วย

วัดโพธิ์ประทับช้าง อันซีนแห่งเมืองพิจิตร
อันดับ 3 "เมืองน่าน" อีกหนึ่งเมืองในล้านนาตะวันออกที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมที่หลอมรวมจากเทือกเขา สูงถึงพื้นราบ ทำให้เสน่ห์ของเมืองน่านยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้ที่ไปเมืองน่านจะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมอันหลาก หลาย อาทิ วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุเขาน้อย วัดมิ่งเมือง พระธาตุแช่แห้งพระธาตุคู่เมือง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เป็นต้น อันดับ 2 "เมืองแม่ฮ่องสอน" เมืองสามหมอก อันสวยงามตามธรรมชาติของเทือกเขาสลับซับซ้อน เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ อาทิ วัดพระธาตุดอยกองมู สถานที่ประดิษฐานพระธาตุดอยกองมู สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสามหมอก วัดจองคำ วัดจองกลาง โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) อันสวยงามจนได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งใน “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย”อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา – ผาเสื่อ ที่มีปลาพลวงมากมายให้ชื่นชม ด้วยความน่าสนใจของเมืองอันสงบงามท่ามกลางธรรมชาติแห่งเขา

จึงไม่แปลกที่เมืองแม่ฮ่องสอนจะติดอันดับ 2 ของเมืองน่าอยู่ในเมืองไทย
อันดับ1 "เมืองพนัสนิคม จ.ชลบุรี" เทศบาลเมืองพนัสนิคม หรือ เมืองพนัสนิคม ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เป็นเทศบาลขนาดกลางมีเนื้อที่ครอบคลุมตำบลพนัสนิคมทั้งตำบล อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 87 กม. ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 22 กม. เมืองพนัสนิคม เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเคยรุ่งเรืองเมื่อสมัย 1,000 ปี มาแล้ว หรือสมัยที่ขอมยังเรืองอำนาจอยู่ในอาณาจักรสุวรรณภูมิ ชาวพนัสนิคมส่วนใหญ่ประกอบอาชีพพาณิชยกรรม และหัตถกรรมที่สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับชาวพนัสนิคมเป็นอย่างมากคือ "การจักสาน" เช่น กระเป๋า ตะกร้า ฝาชี เครื่องประดับตกแต่งต่างๆ เมืองพนัสนิคม เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า "เมืองสะอาด" ตามคำขวัญของเมือง โดยมีรางวัลต่างๆ ที่รับรองความสะอาดดังนี้ รางวัลพระราชทาน 3 ปีซ้อน พ.ศ. 2532 - พ.ศ. 2534 และนั่นคือ 10 เมืองน่าอยู่ของไทย ที่แม้จะไม่ใช่เมืองในอุดมคติของใครหลายๆคน แต่ว่าก็เป็นเมืองทรงคุณค่าที่ทำให้รู้ว่า เมืองไทยเรานี้มีเมืองน่าอยู่ไม่เป็นรองชาติใดในโลกเลย.

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

เราอยากเข้าศิลปากร



วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสมัครสอบโควต้า


ม.ศิลปากร เราคิดว่าเพื่อนๆๆคงจะสมัครกันหมดแหละ


เพราะทุกคน ต่างตื่นเต้นและรอคอยกันมานาน


เพราะใครๆๆก็อยากที่จะติดที่นี่ กันทั้งนั้น


เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่อยากจะเป็นเด็ก SU


แต่เราอะอยากได้คณะศึกษามากๆๆเลย


แต่ก็ไม่รู้ว่าข้อสอบจะยากขนาดไหน


แถมเอกที่เราชอบก็รับแค่ 20 คนเอง


เอาหละไม่ได้ตัวจริงก็ขอตัวสำรอง


อันดับต้นๆๆก็ยังดี แต่ยังไงเราก็จะ


พยายามอ่านหนังสือให้หนักมากขึ้น


เพื่อศิลปากร เพื่อนๆก็เหมือนกันนะอ่านกันเยอะๆ


โอ๊ย!!! อยากเข้าศิลปากร มากๆๆเลย